เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ณ ย่านเก่าฝั่งธน วัดกัลยาณมิตร วัดซางตาครู้ส และชุมชนกุฎีจีน
ย่านเก่าเมืองใหม่เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ของการปรับภูมิทัศน์หรือการวางผังเมืองตามกาลเวลาในแต่ละยุคสมัย ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ การผสมผสานน่าจะเป็นจุดสำคัญของรอยต่อระหว่างอดีตและปัจจุบันนั่นเอง “ย่านเก่าฝั่งธน” นั่นฟังแล้วรู้สึกถึงมนต์ขลังและมีเรื่องราวมากมายให้ผู้คนได้ค้นหาเสมอ
เรามาย้อนอดีตในบรรยากศและภูมิทัศน์ที่ทางกรุงเทพมหานครได้ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อสร้างสีสันของการท่องเที่ยวที่กำลังเป็นกระแสนิยมอยู่ในวันนี้ ณ “ย่านเก่า วัดกัลยาณมิตร โบสถ์ซางตาครู้ส และชุมชนกุฎีจีน” เป็นเส้นทางเดินเล่นชมประวัติศาสตร์ตลอดจนเส้นทางปั่นจักรยานเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อชมเมืองยอดฮิตและยังเป็นจุดชมวิวของกรุงเทพฯ
เรามาเริ่มขอพรไหว้พระกันที่ “วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หรือ วัดกัลยาณมิตร” ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชื่อ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ซำปอกง ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร หลวงพ่อโต ซำปอกง นั้นเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีแค่ที่นี่ ที่วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา และวัดอุภัยภาติการาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นที่สักการะนับถือทั้งคนไทย และคนจีนมาในทุกยุคทุกสมัย
วัดกัลยาณมิตรนั้นสร้างขึ้นในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เป็นวัดเก่าแก่และสวยงามตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมผสมผสานไทยและจีนเข้าด้วยกัน ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงพุทธประวัติและวิถีชีวิตชาวบ้านชาวเมืองในสมัยรัชกาลที่ 3 และมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ ซึ่งถือว่าเป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีคติความเชื่อที่ว่า “เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี” ใครมากราบไหว้ขอพรที่วัดกัลยาณมิตรนี้ยังจะมีแต่ความปลอดภัยและมีมิตร สหายที่ดีนั่นเอง
ตลอดเส้นทางเดินเลียบริมเจ้าพระยานี้ เราไปต่อกันที่ “ศาลเจ้าเกียนอันเกง หรือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม” ศาลเจ้าเกียนอันเกง เป็นศาลเจ้าจีนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับชุมชนกุฎีจีน ในหนังสือบางเล่มได้บอกไว้ว่า ศาลเจ้าเกียนอันเกง ได้สร้างขึ้นโดยชาวจีนฮกเกี้ยนที่ตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นับเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในฝั่งธนบุรี มีอายุมากกว่าร้อยปี แต่เดิมภายในศาลเจ้าประดิษฐาน เจ้าพ่อโจวซือกง และ เจ้าพ่อกวนอู แต่ปัจจุบันนี้ ศาลเจ้ามีเจ้าแม่กวนอิม เป็นองค์ประธานหลักนั่นเอง
ถัดไปอีกจะเป็น “วัดซางตาครู้ส” ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเพื่อให้เป็นศาสนสถานของชาวโปรตุเกสที่อพยพมาจากอยุธยา จึงถือว่าเป็นวัดคริสต์ที่มีความเก่าแก่มากอยู่คู่กรุงเทพฯ สำหรับตัวโบสถ์นั้น และมีลักษณะคล้ายศาลเจ้าจีน (กุฎีจีน) จึงเป็นที่มาของชื่อว่า “วัดกุฎีจีน” นั่นเอง ที่นี่เป็นโบสถ์ที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ ผสมผสานกับ นีโอคลาสสิค จุดเด่นที่ไม่เหมือนที่ไหนก็คือ “โดมของโบสถ์” ที่เป็นโดมแบบอิตาลี เหมือนกับมหาวิหารฟลอเรนซ์ ที่แคว้นทัสคานา
หลังจากเดินชมความสวยงามของโบสต์ซางตาครู้สกันแล้ว เราเลยขอไปแวะชมชุมชนเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโบสถ์มาจะเป็นร้อยปีแล้วกันที่ “ชุมชนกุฎีจีน” ซึ่งตั้งอยู่ข้างวัดซางตาครู้สมายาวนาน อย่างที่เราบอกกันไปแล้วว่า วัดซางตาครู้สนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนโปตุเกสที่อพยพมาจากอยุธยา ทำให้ปัจจุบัน ชุมชนกุฎีจีนนี้ เป็นที่อาศัยของชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส
และที่ชุมชนนี้เอง เรื่อง “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” เป็นขนมที่อยู่คู่กับชุมชนกุฎีจีนมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี และเป็นขนมอีกชนิดที่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมโปรตุเกสอื่นๆ อย่าง ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง ที่เรารู้จักกันดี ที่แตกต่างกันก็คือ ขนมฝรั่งกุฎีจีนนี้เป็นขนมอบ มีส่วนผสมหลักๆ 3 อย่างคือ แป้งสาลี ไข่เป็ด และน้ำตาลทราย แต่ก็ได้รับอิทธิพลจากจีนด้วยเช่นกันทำให้ ขนมฝรั่งกุฎีจีนนี้มีการนำ ลูกพลับอบแห้ง ลูกเกด หรือฟักเชื่อม มาแปะลงบนหน้าขนมด้วย โดยปกติแล้วขนมฝรั่งกุฎีจีนเป็นขนมที่หายาก เพราะจะทำกันเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญทางศาสนา และแจกจ่ายให้ทานกันเองในครอบครัวหรือชุมชนเท่านั้น แต่ตอนหลังด้วยความอร่อย และเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นก็ทำให้ขนมฝรั่งกุฎีจีนเริ่มมีชื่อเสียงขึ้น ชุมชนกุฎีจีนจึงมีกรทำขนมขายอย่างทุกวันนี้ให้เราได้อร่อยกัน
เดินถัดเข้าไปต่ออีกเราจะไปแวะชม “พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน” กัน ที่นี่เป็นบ้านไม้สีครีม 3 ชั้น ก่อตั้งขึ้นโดย คุณนาวินี พงศ์ไทย เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลชุมชนชาวสยาม-โปรตุเกส ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงปัจจุบัน และเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ภาษา ศาสนาและรากเหง้าของชาวชุมชน ภายในบ้านแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นหนึ่ง เป็นร้านขายเครื่องดื่มพร้อมของที่ระลึก ชั้นสองเป็นจัดแสดงนิทรรศการ “กำเนิดสยามโปรตุเกส” บอกเล่าประวัติศาสตร์ของชาวโปรตุเกสตั้งแต่เข้ามาสยามครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยาผ่านแผนที่เส้นทางเดินเรือ กว่า 500 ปี ที่ชาวโปรตุเกสเป็นชาวตะวันตกชาติแรก ที่เข้ามาค้าขายและเจริญสัมพันธไมตรีกับชาติสยาม ร่วมรบในกองทัพสยาม จนได้รับพระราชทานที่ดินให้ตั้งชุมชนชาวโปรตุเกส และโบสถ์คริสต์ศาสนาขึ้นที่อยุธยา ต่อเนื่องถึงธนบุรี สืบเชื้อสายชาวสยามโปรตุเกส มาเป็น ชุมชนกุฎีจีน ในปัจจุบัน และชั้น 3 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกำเนิดกุฏีจีน และจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
“ย่านเมืองเก่า” แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์นี้ ทำให้เราย้อนรำลึกถึงคุณค่าดีงามที่สืบทอดกันมาให้เห็นและสัมผัสกันในยุคสมัยปัจจุบัน แม้ว่าการพัฒนาจะรวดเร็วปานใด แต่คุณค่าที่คนรุ่นหลังยังคงฝากไว้ให้เราคิดถึงและตื่นตัวอยู่เสมอ
“น้ำมันปาล์มตราผึ้ง” โดยกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ขอร่วมส่งเสริมเพื่อสืบสานคุณค่าแห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของการ “กินดี อยู่ดี สุขภาพดี” ของคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง