ชุมชนสามโคก ประวัติศาสตร์โบราณสมัยอยุธยา
เมื่อพูดถึง “ชุมชนสามโคก” ย่อมเป็นที่รู้จักกันดี ไม่มากก็น้อย แต่ที่ผู้คนมักคุ้นเคยกันนักก็น่าจะเป็นเรื่องของ “ตุ่มสามโคก” นั่นเอง ชุมชนนี้เกิดมาอยู่ในอำเภอที่มีขนาดเล็กที่สุดของจังหวัดปทุมธานี มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกลางอำเภอ ซึ่งเดิมแล้วเป็นเมืองสามโคก เพราะมีโคกโบราณอยู่ในเมืองถึง 3 แห่งด้วยกัน เมืองสามโคกเป็นเมืองเก่าแก่มาช้านาน ปรากฎหลักฐานเมื่อหลังแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และเราก็รู้มาว่าเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ 1 เมืองนี้ก็ได้ร้างไป แต่ความขลังและมนต์เสน่ห์ของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็ยังติดตาตรึงใจของผู้คนมากมายมาจนถึงปัจจุบัน
แต่เมื่อครั้งย้อนไปสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีชาวมอญได้อพยพจากพม่าเข้ามาพักพิงอาศัยและตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ “บ้านสามโคก” ซึ่งเป็นชุมชนมอญจากกลุ่มเล็กสู่การขยายตัวเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ และได้ตั้งเป็นเมืองขึ้นในบริเวณใกล้กับ “วัดสิงห์” และใช้ชื่อว่า “เมืองสามโคก” นั่นเอง
มาถึงตรงนี้ก็ต้องมีคำถามในใจแล้วว่า “สามโคก” ไปเกี่ยวอะไรกับ “ตุ่มสามโคก” จากข้อมูลที่บันทึกไว้แจงว่าตุ่มสามโคกมีแหล่งผลิตอยู่ที่วัดสิงห์นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเป็นโคกเนินดินขนาดใหญ่มีเศษเครื่องปั้นดินเผากระจายอยู่ทั่วบริเวณ เรียกได้ว่าตอนนี้ไม่มีร่องรอยสภาพเดิมเหลืออยู่เลย “ตุ่มสามโคก” ภาษามอญเรียกว่าอีเลิ้ง เป็นภาชนะสำหรับใส่น้ำดื่ม รูปทรงกลม ปากโอ่งแคบ ขอบปากมัวนออกติดกับไหกลางป่อง ไหล่ผายก้นตัดเป็นรูปทรงกลมเตี้ย เนื้อดินสีแดงไม่เคลือบเงา ชาวมอญสมัยก่อนมักจะนำออกมาวางขายกันทั่วไป
สามโคก อยู่ฝั่งตรงข้ามกับว้ดสิงห์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปี ฟังแบบนี้แล้วร้องลั่นเลย ถือว่าเป็นวัดแห่งมรดกทางวัฒนธรรมและศิลปะที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมอย่างยิ่ง วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและบรรยากาศอันเงียบสงบ ทำให้วัดสิงห์เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและศาสนาที่น่าสนใจในจังหวัดปทุมธานี มาแล้วก็เหมือนมาย้อนยุคเข้าไปในอดีตกันเลยทีเดียว
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของวัดสิงห์คือ พระวิหารโบราณ ที่สร้างด้วยไม้สักทองอันงดงาม ประดับด้วยลวดลายแกะสลักที่วิจิตรบรรจง ภายในพระวิหารประดิษฐาน พระพุทธสิริมาแส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางมารวิชัย ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านและผู้มาเยือน นอกจากนี้ ยังมี หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางมารวิชัยอีกองค์หนึ่ง ประดิษฐานในวิหารไม้ และ พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางไสยาสน์เก่าแก่ ที่งดงามตระการตาและน่าเลื่อมใส เรียกได้ว่ามาแล้วเป็นบุญตาจริงๆ เพราะเรายังคงได้เห็นร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์และความศรัทธา เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย และคนมอญในชุมชนนี้มาอย่างยาวนาน
เมื่อย้อนรอยอดีตกันแล้ว ถึงช่วงเวลาหาของกินเมนูเด็ดๆ สไตล์ไทยโบราณในย่านชุมชนนี้กันแล้วละ ขับรถมาเจอ “ครัวเรือนเจ้าพระยา” น่าจะเหมาะที่สุด เป็นร้านอาหารริมน้ำในบรรยากาศบ้านไม้เก่าแนวชาวบ้าน มาถึงก็สั่งทันที ฝีมือแม่ครัวเยี่ยมมาก รสชาติทุกเมนูที่สั่งออกรสชาติเข้มข้น ด้วยวัตถุดิบชั้นดี แต่ละจานที่เสิร์ฟใหญ่อลัการ ไม่ว่าจะเป็นต้มยำ ยำถั่วพลู ปลาหมึกนึ่งมะนาว หรือกบ (ตัวใหญ่มาก) ทอดกระเทียม อร่อยแบบต้องตบท้องกันเลย
อิ่มแล้ว แต่ยังพอมีเวลาแวะทักทาย “ทุ่งต้นตาล” กันสักหน่อย เขาพูดกันว่ามีต้นตาลเรียงรายกันตัดกับท้องฟ้าอย่างสวยงาม ใครสายลุย สายถ่ายรูป ไม่น่าจะพลาดกัน
หนึ่งวันเต็มๆ กับการเรียนรู้ธรรมชาติ มรดกแห่งวัตฒธรรมไทยที่คงไว้ให้รุ่นใหม่ๆ ได้ชื่นชมกัน “ชุมชนสามโคก”
ขอขอบคุณข้อมูล บางส่วนจาก http://m-culture.in.th และhttps://th.wikipedia.org
“น้ำมันปาล์มตราผึ้ง” โดยกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ขอร่วมส่งเสริมเพื่อสืบสานคุณค่าแห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิต “กินดี อยู่ดี สุขภาพดี” รวมไปถึงการส่งเสริมและสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อน เพื่อโลกที่น่าอยู่ของสังคมไทย