เทรนด์อาหาร 2019 สายกินต้องตามให้ทัน

เทรนด์อาหาร 2019 สายกินต้องตามให้ทัน

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เป็นคออาหาร อยากรู้กันว่าเทรนด์อาหารปี 2019 จะเป็นอย่างไร วันนี้ทีมงานผึ้งจะพามาดูกันนะค่ะ โดยเทรนด์หลัก ๆ ยังคงต่อเนื่องจากปี 2018 นั่นคือ การเน้นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ ซึ่งผึ้งคิดว่าเพื่อน ๆ คงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สำหรับที่ต่อเนื่องเพิ่มเติมในปี 2019 มีอะไรบ้าง ติดตามกันเลยค่ะ

  1. เมนูที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบในท้องถิ่น
    เมนูที่มีส่วนผสมจากท้องถิ่น เป็นเทรนด์อาหารที่มาแรงเป็นอันดับต้น ๆ โดยนักท่องเที่ยวจะคอยเสาะหาร้านอาหารที่เมนูทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น เพราะหาทานที่อื่นลำบาก มาถึงที่แล้วต้องหาโอกาสทานกัน ถ้าเพื่อน ๆ มีร้านอยู่ ลองหาดูนะค่ะ มีวัตถุดิบอะไรที่เป็นจุดเด่น นำมาต่อยอดอะไรได้บ้าง อาจเป็นของดีประจำจังหวัด อำเภอ ตำบล ปรับให้เป็นสไตล์เราเอง รับรองได้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาแวะชิมไม่ขาดสายเลยค่ะ
  2. เมนูง่าย ๆ แต่ได้คุณประโยชน์สูง
    ไม่ต้องสลับซับซ้อนจนเกินไป ลองหาเมนูง่าย ๆ ที่ทำจากวัตถุดิบที่มีคุณประโยชน์สูง เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผักสด วัตถุดิบที่นำมาจากฟาร์ม ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค มาจัดทำเป็นเมนูเฉพาะ อย่าลืมใส่ Story ให้เป็นเรื่องราวขึ้นมาพูดคุยกับผู้บริโภคดู รับรองว่าอาหารเมนูง่าย ๆ ของเพื่อน ๆ จะกลายเป็นเมนูพิเศษระดับพรีเมี่ยมขึ้นมาเลยค่ะ
  3. เมนูที่ปรุงแล้วมีของเสียเหลือน้อยที่สุด
    รักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นอีกกระแสสำคัญของโลกในปัจจุบัน อาหารที่เรารับประทานกันส่วนใหญ่ยังคงมีการทิ้งวัตถุดิบที่ไม่ใช้อยู่เป็นจำนวนมาก เช่น หัว หาง ก้างของปลา หรือผักบางชนิด กินกันเฉพาะใบ แกนจะถูกทิ้ง สิ่งเหล่านี้หากเพื่อน ๆ หาเมนูที่เหมาะสม สามารถลดการทิ้งของเสียลงได้ เช่น บางร้านนำหัวปลา หางปลามาปรุงรส มาทำซุปเสิร์ฟให้กับลูกค้า หรือเล้งแซ่บที่ขายดิบขายดีในปัจจุบัน ครั้งหนึ่งก็เป็นของทิ้งจากเมนูอาหารที่ขายกันปกติมาก่อน เมื่อเพื่อน ๆ คิดสูตรแล้ว อย่าลืมบอกเล่าเรื่องราวความสำคัญของการลดปริมาณขยะ และประโยชน์กับสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ที่สนใจด้วยนะค่ะ
  4. เมนูผักออร์แกนิค เน้นรักสุขภาพ
    ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีแนวโน้มเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ถ้าเพื่อน ๆ ทำอาหารปกติอยู่ ลองหาอาหารเมนูรักสุขภาพมาเสริม เช่น อาหารมังสวิรัติ อาหารออร์แกนิค เลือกเมนูให้สอดคล้องกับมื้ออาหาร โดยอาหารเช้า ก็อาจจะเป็นยำวุ้นเส้นใส่ปาท่องโก๋ ผัดเต้าหู้สาหร่าย อาหารกลางวันอาจเป็นข้าวผัดขี้เมามังสวิรัติ ผัดโซบะ ต้มจืดไข่น้ำ อาหารเย็นอาจเป็นข้าวผัดผงกะหรี่เห็ด ยำถั่วพลู เป็นต้น เท่านี้ผู้บริโภคมาแนวไหนก็สามารถทำเสิร์ฟได้หมดค่ะ
  5. เมนูที่บอกถึงที่มาที่ไปของสูตรและวัตถุดิบ
    สอดคล้องกับการทำเรื่องราวให้อาหารมีความน่าสนใจ การบอกถึงจุดเด่นของวัตถุดิบเป็นเทรนด์ที่สำคัญ  เช่น ใช้ผักจากฟาร์มไหน ขั้นตอนการปลูกทำอย่างไร ปลอดสารพิษ ฉีดสารเร่งโตหรือเปล่า ปัจจุบันมีเมนูไข่ที่คลอดจากแม่ไก่อารมณ์ดี นมวัวจากแม่วัวกินหญ้าใบเขียวสด หรือผักที่ส่งตรงจากฟาร์มผักออร์แกนิค บนเทือกเขาสูง ซึ่งอากาศเย็นตลอดทั้งปี ผักจะมีลักษณะพิเศษหาจากที่อื่นไม่ได้ เป็นต้น ลองสื่อสารรายละเอียดเหล่านี้ ทีมงานผึ้งมั่นใจว่าผู้บริโภคที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่า จะยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน
  6. เมนูที่วัตถุดิบมาจากท้องถิ่น ได้ช่วยเหลือสังคม
    อีกเรื่องที่อยู่ในเทรนด์ วัตถุดิบจากท้องถิ่นกับการช่วยเหลือสังคม หาความเชื่อมโยงที่เป็นจริง ไม่หลอกลวงผู้บริโภคแล้วสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขาจ่าย มีส่วนในการช่วยเหลือสังคมอย่างไร สร้างประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน รับรองว่าผู้บริโภคจะยินดียอมจ่ายค่าอาหารบวกค่าช่วยเหลือสังคมได้เลยค่ะ


ลองนำข้อแนะนำไปประยุกต์กันดูนะค่ะ จะเป็นการเลือกวัตถุดิบเพื่อปรุงอาหารทานเอง หรือปรับรายการอาหารที่ทำอยู่ มั่นใจว่าจะมีหลาย ๆ คนมาช่วยทานเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ


น้ำมันพืชตราผึ้ง ปลอดไขมันทรานส์

“ผึ้ง” กรอบอร่อยได้คุณค่า แบรนด์ของคนรุ่นใหม่

Cooking By Bee
ข้อมูลจาก amarinacademy.com

Similar Posts