วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ความงดงามเหนือกาลเวลา ตามรอยละครดัง “คุณพี่เจ้าขา ดิฉันเป็นห่านไม่ใช่หงส์”

มาถึงจุดนี้แล้ว เราจะตกเทรนได้อย่างไร กระแสมาแรงแบบไม่แผ่วเลยกับละครดังเรื่อง “คุณพี่เจ้าขา ดิฉันเป็นห่านไม่ใช่หงส์” เรียกได้ว่าดูไปจิกหมอนไปก็ว่าได้ แต่ที่สำคัญและเป็นที่สะดุดตาอย่างโดดเด่นในละครเรื่องนี้ก็คือ ภาพสะท้อนถึงวิถีชีวิต และการเป็นอยู่ของคนไทยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตประจำวัน การเข้าวัด การเดินตลาด การกินหรือการจับจ่ายใช้สอย รวมไปถึงการค้าขายทำมาหากินของผู้คน แม้กาลเวลาจะผ่านพ้นไปเช่นไร การปรับเปลี่ยนและการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ ย่อมเกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา แต่สิ่งที่คงไว้น่าจะเป็น “คุณค่าไทย – การกินอยู่ที่ดีในแต่ละยุคสมัย” นั่นเอง

เรามักจะได้ยินคำพูดนี้อยู่บ่อยๆ ว่า “ละครก็เหมือนชีวิตจริง” การได้ดูละครเชิงประวัติศาสตร์นั้น ถือว่าเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่คนในยุคปัจจุบันยังคงสัมผัสได้อยู่ ครั้งนี้ขอเล่าด้วยภาพและเกร็ดความรู้จากการสังเกตุและการบันทึกเกี่ยวกับ “วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร” ตามท้องเรื่องในละครที่เป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ พูดได้ว่าละครทำให้เราลุกขึ้นมาค้นหาคุณค่าที่มีอยู่จริง คุณค่าจากอดีตที่ไม่หายไปไหนเลย

วัดราชโอรสารามราชวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สถาปนาขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พร้อมกับนำงานศิลปะแบบจีนเข้ามาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมของไทยได้อย่างงดงาม จุดเด่นของวัดราชโอรสก็คือ พระอุโบสถ รวมถึงอาคารส่วนต่างๆ ภายในวัด เครื่องกระเบื้องเคลือบที่นำมาตกแต่งอาราม และตุ๊กตาอับเฉา ซึ่งแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าระหว่างไทยกับจีนในอดีต

เมื่อเข้าไปในวัดเราจะพบกับพระอุโบสถที่เป็นจุดเด่นที่สุดของวัด ด้วยตัวอาคารมีการผสมผสานกันระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะส่วนของหน้าบันเป็นงานศิลปะกระเบื้องเคลือบ ในส่วนขอบของหน้าบันเป็นรูปทรงดอกไม้ สลับกันกับเครื่องถ้วยชามจีนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ณ ตรงกลางหน้าบันเป็นการประดับตกแต่งด้วยงานปั้นรูปสัตว์ต่างๆ และต้นไม้พืชพันธุ์  ซึ่งเป็นงานศิลปะที่ชาวจีนนิยมกันจนเป็นอัตลักษณ์ หากมองไปรอบๆ จะสังเกตได้ว่าอาคาร ศาลา รวมถึงกุฏิวัด มีการตกแต่งหน้าบันด้วยศิลปะจีนกันทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้วยชามกระเบื้องเคลือบที่ตกแต่งอยู่ตามขอบคล้ายดอกไม้บานสะพรั่ง (ข้อมูลจาก https://spacebar.th/culture/ratchaorasaram-temple) ถือว่าเป็นการสะท้อนถึงความกลมกลียวระหว่างสองวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว

อันที่จริงบ้านเมืองเรามีความสัมพันธ์กับประเทศจีนมายาวนาน จนรับอิทธิพลด้านศิลปะ และงานประติมากรรมของเขามาปรับใช้ รวมถึงอิทธิพลด้านอาหารการกินด้วย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว เมนูอาหารผัด ที่พัฒนาจนกลายเป็นอาหารตามสั่งแบบไทยๆ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวัดราชโอรส ถือเป็นตัวอย่างของงานสถาปัตยกรรมผสมผสานที่สมบูรณ์แบบที่ไม่ว่าจะเข้าไปชมกี่ครั้งต่อกี่ ครั้ง ก็ยังคงความงดงามราวกับอยู่เหนือกาลเวลา

ที่ตั้งของวัดแห่งนี้ อยู่ในชุมชน จอมทองการกินอยู่ของผู้คนในชุมชนนี้ยังคงดำเนินต่อมาอย่างต่อเนื่อง และยังคงพบเห็นการใช้เส้นทางการจราจรที่ครบสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเท้า ทางเรือ ทางรถไฟ และทางรถยนต์  จากบริเวณริมคลองด่านหน้าวัดราชโอรส แล้วเรามองไปยังฝั่งตรงข้ามจะเห็นเรือแถวไม้ราวๆ 20 หลังริมคลองด่าน เป็นชุมชนเล็กๆ ที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ปัจจุบัน “คลองด่าน” ใช้เป็นคลองเพื่อการระบายน้ำ การสัญจรและการท่องเที่ยวตามวัดสำคัญๆ บริเวณริมฝั่งคลอง ได้แก่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดอัปสรสวรรค์ วัดนางชี วัดหนัง วัดขุนจันทร์ วัดใหม่นายนุ้ย วัดนางนองวรวิหาร และวัดราชโอรสาราม เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติสำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาคติในขณะนี้

เที่ยวเพลินๆ ไปทั้งในฝั่งวัดและฝั่งตรงข้ามที่เป็นแหล่งที่ตั้งของชุมชนและร้านขายของบ้าง ต้องเดินข้ามทางรถไฟอย่างระมัดระวังกันหน่อย ร้านจะอยู่ด้านล่าง ริมคลองเลย คือ “ร้านขายข้าวเหนียวมูนป้าณี” เรียกได้ว่าอร่อยอย่างดั้งเดิม (รับรองได้เลย) เพราะเราเองก็ชื้อมาชิมแล้ว นอกจากข้าวเหนียวมะม่วงแล้ว ยังมีชาและกาแฟให้บริการอีกด้วย นั่งชิวๆ เพลินๆ ในชุมชนสักพักก่อนกลับบ้านยังได้เลย

“น้ำมันปาล์มตราผึ้ง” โดยกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ขอร่วมส่งเสริมเพื่อสืบสานคุณค่าแห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิต “กินดี อยู่ดี สุขภาพดี” รวมไปถึงการส่งเสริมและสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อน เพื่อโลกที่น่าอยู่ของสังคมไทย

Similar Posts