ย่านเก่า แถววัดราชบพิธ พักใจไว้ที่พระนคร
“วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร” ชื่อเต็มที่ช่างไพเราะเป็นอย่างยิ่ง ถ้าถามถึงอายุ ก็ต้องแจ้งให้รู้กันว่าวัดนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 3 พระองค์ รวมถึงพระองค์ปัจจุบัน ในเรื่องของสถาปัตยกรรมนั้น มีความสวยงามอย่างไม่มีที่ติ ทั้งความละเอียดของงานฝีมือที่เรียกได้ว่า “สวยทุกระเบียบนิ้ว” ตั้งแต่ทางเข้า พื้นทางเดิน สู่กำแพงวัด ทำให้เราๆ รู้สึกในใจตลอดว่าคนโบราณทำไมเก่งจัง โดยเฉพาะความประณีตแห่งงานศิลปะ ต้องขอบคุณคุณค่าจากคนรุ่นเก่าที่สร้างมาให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้ชื่นชมกัน
ก่อนอื่นขอเกริ่นประเด็นสำคัญๆ ของวัดแห่งนี้สักนิด นั่นก็คือ วัดที่เป็นที่ตั้งของสุสานหลวงแห่งเดียวในกรุงเทพฯ วัดที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของในหลวงรัชกาลที่ 9 และวัดที่นำพาโลกตะวันตกเข้ามาผสมผสานกับโลกตะวันออกอย่างลงตัว
วัดนี้มีความแปลกแตกต่างไปจากวัดอื่นๆ แต่เป็นความแปลกที่วิจิตรตระการตามากกว่า เนื่องจากวัดราชบพิธมีการผสมผสานศิลปะไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เข้ากับศิลปะขอมโบราณและตะวันตก ทำให้พระวิหารและพระอุโบสถ มีโครงสร้างคล้ายกับทางตะวันตก โดยการตกแต่งภายในแบบโกธิคมา ซึ่งทำให้ดูคล้ายๆ กับโบสถ์ของศาสนาคริสต์
และสำหรับความโดดเด่นของกระเบื้องแสงสีทองหรือเคลือบลายเบญจรงค์นั้น พูดได้ว่าไม่แปลกใจที่มักจะเห็นผู้คนนิยมใส่ชุดไทยมาถ่ายรูปต่างๆ มันช่างเข้ากับบรรยากาศมากๆ แทบดูไม่ออกเลยว่าที่นี้คือกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล
บริเวณรอบนอกของวัดแห่งนี้ก็ยังมีการผสมผสานและกลิ่นอายของวิถีการกินอยู่ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ แน่นอนการดำเนินชีวิตในแต่ละยุคย่อมเปลี่ยนไป แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นถือว่าเป็นเรื่องดีเสมอ ถ้าพูดถึงเรื่องค้าขาย อาหารการกิน อาคาร ตึกรามบ้านช่อง หรือร้านค้าต่างๆ ก็ยังคงใช้วิถีแห่งชุมชนนี้ไปตามยุดตามสมัย ผู้คน แม่ค้า พ่อค้า อาหารหรือเครื่องดื่ม ต่างก็ปรับแนวทางและรูปแบบของการกินอยู่ที่สอดคล้องกับเวลาปัจจุบัน อย่างเช่นอาคารเก่าที่ปรับปรุงใหม่ให้เป็นร้านอาหารและกาแฟที่ยังคงเก็บรักษาเอกลักษณ์และโครงสร้างเก่าแก่ไว้อย่างที่เห็นแล้วต้องร้องว้าว สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่มีร้านเป็นของตนเอง ก็ดัดแปลงเป็นรถขายเครื่องดื่มเคลื่อนที่ นี่ก็เท่ห์ไม่เบา เดินไปเดินมาก็นึกถึงภาพอดีตที่ยังคงมีรอยประสานความผูกพันของวัด ผู้คน และการกินอยู่ที่ไม่เลือนหายไปไหนเลย มันยังคงอยู่ แต่อยู่ในสภาพที่ทันยุคทันสมัยนั่นเอง
“น้ำมันปาล์มตราผึ้ง” โดยกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ขอร่วมส่งเสริมเพื่อสืบสานคุณค่าแห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของการ “กินดี อยู่ดี สุขภาพดี” ของคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง