ร้าน โภชน์สภาคาร

ชิมอาหารชาววังโบราณ ณ โภชน์สภาคาร แวะไหว้พระ ณ วัดสุทัศน์ ถิ่นไทย เสน่ห์ไทย

ครั้งนี้ผึ้งขอพาเพื่อน ๆ ไปกิน เที่ยว ไหว้พระ แบบครบเครื่องแถวถนนบำรุงเมืองกันค่ะ แถวนี้นับว่าเป็นถิ่นเก่าแก่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้และชื่นชมกัน จากรุ่นสู่รุ่นตราบจนถึงปัจจุบันนี้ มากี่ครั้ง ๆ ความมีเสน่ห์และมนต์ขลังก็ยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมหายจากไปไหนเลย

เรานัดแนะพบกันที่ร้าน “โภชน์สภาคาร (กุ๊กสมเด็จ)” ฟังชื่อแล้วรู้ได้เลยว่าต้องเก่าแก่มากเลย ใช่ค่ะอายุของร้านที่ได้เปิดขายมานานแล้วก็ประมาณ 90 ปี อยู่ย่านสี่กั๊กเสาชิงช้า ใกล้กับศาลเจ้าพ่อเสือ ชื่อร้าน โภชน์สภาคาร มีที่มาจาก 3 คำด้วยกัน โภชน์ คือ โภชนา สภา คือ ที่ประชุม และ คาร คือ อาคาร นั่นก็หมายถึง อาคารของที่ประชุมของอาหาร นั่นเอง ที่นี่เป็นร้านอาหารไทยสูตรชาววังที่รสชาติถูกปากทั้งคนไทยและต่างประเทศ ตัวร้านจะเป็นแค่ร้านเล็ก ๆ ไม่ได้ตกแต่งหรูหราสวยงาม ตั้งอยู่ในย่านเก่า ที่ไม่มีห้างสรรพสินค้า หรือคอมมิวนิตี้มอลล์อยู่ในละแวกใกล้เคียง เมนูที่ขายเน้นเมนูธรรมดาง่าย ๆ และความไม่ธรรมดาของร้านนี้อยู่ที่ฝีมือของกุ๊กนั่นเอง จากอาหารจานธรรมดา ปรุงรสชาติกลายเป็นอาหารชาววัง รสเลิศจนเป็นที่ติดอกติดใจไปตาม ๆ กัน 

มีโต๊ะให้บริการเพียง 4 – 5 โต๊ะเท่านั้น ถ้าจะมาทานที่ร้านแนะนำให้โทร.สั่งอาหารล่วงหน้าก่อนค่ะ เพราะทั้งร้านมีแค่พนักงานเสิร์ฟ และแม่ครัว จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมส่วนประกอบของอาหารไว้ทั้งหมด เมื่อเพื่อน ๆ มาถึงปุ๊บ แม่ครัวลงมือปรุงปั๊บ เร็วทันใจทั้งแม่ครัวและแขกที่มาทานค่ะ

เรานัดแนะกันว่าหลังทานอาหารกันเสร็จแล้วจะเดินขึ้นตรงไปสู่วัดสุทัศน์ ไปชมความสวยงามและความปราณีตของงานก่อสร้างโดยช่างสมัยก่อนกันค่ะ

มาดูกันว่าวันนี้เราสั่งเมนูอะไรกันบ้างนะคะ ง่าย ๆ แต่รสชาติพิเศษแน่นอน อย่างเช่น ตับทอดกระเทียม ไข่เจียวตะไคร้ แสร้งว่า พงศ์วารีทีละคำ แกงจืดโหระพา และน้ำพริกกุ้งสดกับปลาทูทอด

ตับทอดกระเทียม ฉ่ำ ๆ ชุ่ม ๆ ตับทอดไหม้นิด ๆ แต่ข้างในนิ่มคะ เคี้ยวคล่องปากดีจัง 

กลิ่นกระเทียมเจียวหอมไหม้เกรียม ๆ ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หยุดทานไม่ได้ค่ะ

ไข่เจียวตะไคร้  เราอยากเรียกว่าไข่เจียวสมุนไพรจัง

เขาหั่นตะไคร้ให้เป็นฝอยเล็กที่สุด นำไปทอดรวมกับไข่ หอมกลิ่นตะไคร้และความกรอบของไข่ค่ะ

แสร้งว่า ใครชอบเปรี้ยวนิด หวานหน่อย ไม่เผ็ด แต่ได้รสชาติสมุนไพรครบ สั่งเมนูนี้ได้เลยค่ะ

จิ้มกับผักลวกหรือสดแล้วแต่ชอบเลยค่ะ เมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูชาววังของแท้ ตามสูตรทั่วไปนั่นเขาจะใช้กุ้งสุกมาคลุกเคล้ากับผักและสมุนไพรต่าง ๆ ปรุงรสเปรี้ยว เค็ม หวาน คล้ายกับยำแต่ไม่มีรสเผ็ด แต่ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น ต้องมาลองค่ะ

พงศ์วารีทีละคำ เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมของที่นี่ เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตา ซึ่งเมนูนี้เป็นการนำเนื้อปลากะพงสด ๆ มาแล่เป็นชิ้น ๆ พอดีคำ และนำไปชุปแป้งทอดให้สีเหลืองกรอบกำลังดี ส่วนที่เราเห็นผักใบเขียว ๆ ถูกซอยวางอยู่ด้านบน นั่นคือ คะน้าหั่นซอยทอด

เคล็ดลับในการกินเมนูนี้ให้ฟิน คือ ให้เราตักปลาหนึ่งชิ้น พร้อมคะน้าซอยและสลัดครีมมะนาว ตักเข้าปากไปทีละคำ แล้วเพื่อน ๆ จะต้องแปลกใจกับรสชาติที่กลมกล่อมอย่างลงตัว

แกงจืดโหระพา ไม่เคยได้ยินว่าเขาเอาโหระพามาทำแกงจืดได้ด้วย รสชาตินัว ๆ อ่อน ๆ ซดคล่องคอดีจัง มีทั้งหมูปั้นเป็นก้อนปรุงรสพิเศษของร้านโดยเฉพาะ ใส่เห็ดหูหนูดำ แครอท และรากผักชี

เมนูนี้ง่ายแต่ได้ประโยชน์ล้ำ ๆ กะว่าจะลองกลับไปทำดูที่บ้าน รสชาติไม่แน่ใจนะคะว่าจะเหมือนกับของที่ร้านทำหรือไม่อย่างไร ต้องลองค่ะ

น้ำพริกกุ้งสดกับปลาทูทอด จัดใส่จานดูสวยงามน่าทานยิ่งนัก

รสชาติของน้ำพริก ไม่เผ็ดเกินไป แต่จะออกหวานนิด ๆ จิ้มกับผักลวกหรือผักสดก็ได้นะ อร่อยเท่ากันค่ะ

อิ่มกันแล้ว เตรียมตัวพร้อมลุยเดินต่อไปยังวัดสุทัศน์ ซึ่งเป็นความตั้งใจของพวกเราที่จะเข้าไปเยี่ยมชม ซึ่งปัจจุบันนี้เขาจัดการระบบความสะอาดและความสวยงามของวัดทั้งภายในและภายนอกได้อย่างมีระเบียบเรียบร้อยมาก เพื่อน ๆ ลองอ่านประวัติกันเป็นความรู้ก่อนเข้าชมกันหน่อยนะคะ

วัดสุทัศนเทพวราราม หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่าวัดสุทัศน์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทย และถือเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตพระนครชั้นใน และอยู่มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ เสาชิงช้า อยู่บริเวณหน้าวัด

พระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม

ภายในวัดสุทัศน์เทพวรารามเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีเมื่อ พ.ศ. 2493 และมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรในวันที่ 9 มิถุนายนของทุกปี

พระอุโบสถของวัดสุทัศน์ จัดว่าเป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

พระประธานภายในพระอุโบสถ คือ พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทั้งพระอุโบสถและพระประธานนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3

ผนังด้านในของพระอุโบสถมีภาพจิตกรรมฝาผนังฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 3

ซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นซุ้มยอดเจดีย์ มีลักษณะแปลกตาและงดงามมาก 

รอบ ๆ พระอุโบสถ มีซุ้มเสมา 8 ซุ้ม ตั้งอยู่บนกำแพงแก้ว เป็นใบเสมาคู่ซึ่งทำจากหินอ่อนสีเทา สลักเป็นภาพช้าง 3 เศียร งวงชูดอกบัวตูมเศียรละ 1 ดอก เบื้องบนมีดอกบัวบาน 3 ดอก 

บนกำแพงแก้วด้านทิศเหนือและทิศใต้ มีเกยอยู่ด้านละ 4 เกย ซึ่งใช้เป็นที่สำหรับประทับโปรยทานแก่ประชาชนในงานพระราชพิธี เรียกว่า “เกยโปรยทาน”

ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร มีเรื่องเล่าขานกันถึงเปรต และมีความเป็นไปได้ว่า เปรตวัดสุทัศน์ อาจเป็นความเข้าใจผิดของผู้ที่มองเห็นเสาชิงช้าที่อยู่บริเวณหน้าวัดในเวลาเช้ามืดที่หมอกลง หรือทัศนวิสัยไม่ดี แล้วสำคัญผิดว่าเป็นเปรต หรืออาจจะมีที่มาจากพระราชนิพนธ์องค์หนึ่งของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเคยนิพนธ์เรื่อง “เปรตสะพานหัน” ที่ทรงเปรียบขอทานที่สะพานหันว่าเหมือนเปรต และมีการนำไปเปรียบเทียบกับขอทานที่อาศัยอยู่หน้าเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ที่อยู่ใกล้เคียง (ขอบคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/)

ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน เราก็ได้ทั้งความอร่อยและสาระของชีวิตนะคะ ใครที่ชอบสไตล์ย้อนยุครำลึกถึงอดีต ลองมาแวะเวียนเที่ยวชมและหาของอร่อย ๆ ทานกันแถวนี้นะคะ ที่จริงแล้วมีอีกหลายสถานที่ที่อยากเข้าไปแวะชม แต่ขอเป็นโอกาสต่อไปนะคะ จะมารีวิวและเขียนเรื่องให้เพื่อน ๆ ได้เข้ามาอ่านกันค่ะ

น้ำมันพืชตราผึ้ง ปลอดไขมันทรานส์

“ผึ้ง” กรอบอร่อยได้คุณค่า แบรนด์ของคนรุ่นใหม่

Cooking By Bee