รุ่งอรุณรับปีใหม่ กินเที่ยววัดอรุณ 1 วันเต็ม
เรามาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับรุ่งอรุณปีใหม่กันที่วัดอรุณราชวราราม หรือเรียกเป็นชื่ออื่นๆ ได้ว่า “วัดแจ้ง” หรือ “วัดอรุณ” ณ วัดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คที่สวยงามวิจิตรและโด่งดังในสายตาของคนไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าต้องว้าวกันทีเดียว ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมก็ว่าได้ ตั้งอยู่ริ่มแม่น้ำใหญ่เจ้าพระยา โดยมีพระปรางเจดีย์ขนาดใหญ่สีขาวเป็นจุดสังเกต คนไทยและต่างชาตินิยมมาเยี่ยมและสักการะบูชา สวยงามด้วยพระปรางค์สีขาวที่ตั้งโดดเด่นสง่า เป็นจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การชื่นชมและอนุรักษณ์ไว้ เชื่อเถอะ ว่านักท่องเที่ยวทุกคนไม่มีใครไม่ชอบ
วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณสร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า ” วัดมะกอก ” แล้วเปลี่ยนมาเป็น “ วัดแจ้ง ” ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่แล้วพระราชทานชื่อใหม่ว่า “ วัดอรุณราชธาราม ” และต่อมาในรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมอีก แล้วเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “ วัดอรุณราชวราราม ” มีชื่อเต็มว่า “ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ” วัดอรุณมีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร อยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม และเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ครั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี
ไฮไลท์ของที่วัดนี้จะน่าจะเป็น “พระปรางค์เจดีย์ใหญ่” ซึ่งก่ออิฐถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ จาน ชามเบญจรงค์ และเปลือกหอยที่เป็นลายดอกไม้ ใบไม้ และลายอื่นๆ ยอดพระปรางค์เป็นนภศูล และมงกุฏปิดทอง มีความสูง 67 เมตร
“รูปปั้นยักษ์ยืนหน้าประตูยอดมงกุฎ” มี 2 ตน ยักษ์กายสีขาวคือสหัสเดชะ และยักษ์กายสีเขียวคือทศกัณฐ์ ปั้นด้วยปูนประดับกระเบื้องเคลือบสีเป็นลวดลายเครื่องแต่งตัว ส่วนยักษ์วัดโพธิ์ ก็เป็นพญายักษ์ที่ยืนเฝ้าซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑปอยู่ 2 ตน ยักษ์กายสีแดงชื่อ พญาสัทธาสูร และยักษ์กายสีเขียวชื่อ พญาขร ตามตำนานนั้นเล่ากันว่า ยักษ์วัดโพธิ์มาตีกับยักษ์วัดแจ้ง ตีกันจนบ้านเมืองแถวนั้นราบเป็นหน้ากลอง เลยเรียกกันต่อมาว่าท่าเตียน
และยังมีอีกหลายจุดที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็น “วิหารน้อย หรือวิหารหลังเก่า” สันนิษฐานว่า ถูกสร้างมาพร้อมกับโบสถ์น้อยในสมัยอยุธยาที่ตั้งอยู่ข้างด้านข้าง ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐาน “พระจุฬามณีเจดีย์”
“พระประธานในพระอุโบสถ” ก็มีความงามไม่แพ้ที่ไหนๆ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีนามว่า “พระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก” พระประธานองค์นี้กล่าวกันว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงปั้นหุ่นพระพักตร์ด้วยพระองค์เอง และที่ฐานชุกชีนี้ยังบรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย
“ตุ๊กตาศิลาจีน” วัดอรุณ เป็นอีกวัดที่มีตุ๊กตาศิลาจีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในอดีต ตุ๊กตาหินเหล่านี้มีทั้งการสั่งเข้ามาเพื่อประดับตกแต่งตามวัดต่างๆ รวมไปถึงการเข้ามาในฐานะอับเฉา ใส่ไว้ใต้ท้องเรือสำเภาเพื่อถ่วงน้ำหนักไม่ให้เรือโคลง
เรามักจะเป็นภาพถ่ายวัดอรุณโดยถ่ายจากฝั่งตรงข้ามในยามค่ำคืน แต่ครั้งนี้ขอชมพระปรางค์ตอนกลางวันเพื่อให้เห็นลายละเอียดของงานศิลปะกันบ้างก็ดีเหมือนกัน มาครั้งนี้ผู้คนมากมายทั้งเดินชม เช่าชุดไทยใส่ถ่ายรูปในทุกๆ จุดของพระปรางค์ เรียกได้ว่าถ่ายมุมไหนก็สวยอย่างปฎิเสธกันไม่ได้เลย
มาถึงตรงนี้ขอพูดเกี่ยวกับการใส่ชุดไทยเดินเที่ยววัดกันสักหน่อย เทรนด์ใหม่สุดฮิตของการไปเที่ยวที่วัดอรุณฯ คือการใส่ชุดไทยเดินชมวัด ซึ่งก็มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย ที่มาเช่าชุดไทยสวยๆ พร้อมเครื่องประดับ เดินถ่ายภาพตามจุดต่างๆ ในวัด โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สวมชุดไทย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเวียดนาม สิงคโปร์ กัมพูชา จีน เป็นต้น
สำหรับเทรนด์การแต่งชุดไทยเที่ยววัดอรุณฯ เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นจากการที่ยูทูปเบอร์ชาวเวียดนามลงคลิปการใส่ชุดไทยเที่ยววัดอรุณฯ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามแห่มาถ่ายภาพตาม และภาพชุดไทยกับวัดอรุณฯ ก็มีการเผยแพร่ตามสื่อโซเชียลช่องทางต่างๆ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทยนิยมตามกันมา
จากการสอบถามร้านเช่าชุดไทยที่อยู่รอบๆ วัด พบว่าราคาในการเช่าชุดไทย เริ่มต้นที่ 200 บาท เช่าได้ 2-3 ชั่วโมง โดยมีชุดให้เลือกหลากหลาย ทั้งชายและหญิง สีสันสดใส มีเครื่องประดับและกระเป๋า-ร่ม ให้บริการด้วย และบางร้านก็มีบริการแต่งหน้าให้ด้วย (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
สำหรับที่จอดรถนั้นจะว่าหายากก็ว่าได้ เนื่องจากที่จอดรถค่อนข้างน้อย สำหรับการเดินทางมาที่วัดอรุณหากใครจะขับรถมา แนะนำให้จอดไว้บริเวณแถววัดอรุณหรือบริเวณใกล้เคียงก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม มาเรือหรือรถประจำทางนั้นสะดวกที่สุด
เดินเที่ยวกันมาทั้งวัน จุใจและเพลินตากันแล้ว แวะทานก๋วยเตี๋ยวกันสักชามสองชามก็คงจะดี ฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านใสสะอาด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส ถือว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดในย่านนี้ก็ว่าได้ เขามีลูกชิ้นปิ้ง (หมูและเนื้อ) ด้วยนะคะ ทานเสร็จก็สั่งกลับบ้าน ไปอร่อยกันต่อได้
“น้ำมันปาล์มตราผึ้ง” โดยกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ขอร่วมส่งเสริมเพื่อสืบสานคุณค่าแห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิต “กินดี อยู่ดี สุขภาพดี” รวมไปถึงการส่งเสริมและสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อน เพื่อโลกที่น่าอยู่ของสังคมไทย
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก https://mgronline.com
“น้ำมันปาล์มตราผึ้ง” โดยกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ขอร่วมส่งเสริมเพื่อสืบสานคุณค่าแห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิต “กินดี อยู่ดี สุขภาพดี” รวมไปถึงการส่งเสริมและสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อน เพื่อโลกที่น่าอยู่ของสังคมไทย