Rivers of Food (แม่น้ำคือแหล่งอาหาร สวรรค์ของนักกิน) ตลาดน้ำอัมพวา สมุทรสงคราม
“วิถีแห่งแม่น้ำ แหล่งก่อเกิดผู้ซื้อและผู้ขาย” นิยามนี้สะท้อนถึงสายน้ำกับการกินดีอยู่ดีของชาวบ้าน ที่ไม่ได้เลือนหายไปไหนเลย แม้กาลเวลาผันเปลี่ยน วันนี้สายน้ำยังคงหล่อเลี้ยงและเติบโตไปพร้อม ๆ กับผู้คน
วิถีชีวิตกับแม่น้ำลำคลอง น่าจะเป็นของคู่กันมาตั้งแต่อดีตกาล “สายน้ำคือชีวิต” วลีนี้มักคุ้นเคยและได้ยินกันบ่อยๆ และถ้าพูดถึง “ตลาดน้ำ” ก็เป็นที่รับรู้กันว่าคือพื้นที่ชุมชนเพื่อซื้อขายของต่าง ๆ ทางน้ำ ตามประวัติศาสตร์ไทยที่บันทึกเอาไว้ว่า “เดิมตลาดน้ำนั้นใช้ชื่อว่า ตลาดท้องน้ำ จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 6 จึงเปลี่ยนมาเรียกว่า “ตลาดน้ำ” นั่นเอง
เรามักจะเห็นภาพชาวบ้านที่นำเอาสินค้า อาหาร หรือผักผลไม้ลงเรือ เพื่อพายลำเรียงกันออกมาค้าขายในแหล่งชุมชนมาก ๆ ที่เขาเรียกกันว่า “ตลาดน้ำ” แม่น้ำและลำคลองถือว่าเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญยิ่งในอดีต แม้เวลาจะเปลี่ยนไป แต่ความเป็นเอกลักษณ์ของ “ตลาดน้ำ” ก็ยังมีให้เห็น เพื่อแวะเข้าไปสัมผัสและเยี่ยมชม อย่างเช่น “ตลาดน้ำอัมพวา” แห่งนี้
“ตลาดน้ำอัมพวา” บางคนอาจนิยามว่าเป็น “สวรรค์ของนักกิน” จึงไม่แปลกเลยที่เราจะเห็นทั้งอาหารคาวและของหวานเต็มลำเรือ และในร้านค้าบนบกตลอดริมสองฝั่งน้ำ ถ้าให้นึกถึงเราคงจิตนาการได้จากภาพถ่าย ส.ค.ส. สมัยอดีตกาลของตลาดน้ำที่มีเรือมาจอดเรียงแผ่เต็มลำน้ำและพร้อมที่จะจัดสรรของใช้ และอาหารนานาชนิดให้กับผู้มาเยือน ใคร ๆ ก็อยากมาสัมผัสวิถีแห่งชาวเรือของอัมพวา แน่นอนเพราะเรื่องกินเที่ยวน่าจะเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญสำหรับหลาย ๆ คน เราก็เป็นหนึ่งที่เข้าข่ายนี้เช่นกัน
ตลาดน้ำโดยทั่วไปมักจะจัดขึ้นในเวลากลางวัน แต่ตลาดน้ำอัมพวา จะจัดขึ้นในช่วงเวลาบ่าย ๆ เย็น ๆ เรื่อยไปจนถึงเวลาพลบค่ำ ยามบ่ายอิ่มท้อง ยามเย็นจรดค่ำสามารถไปล่องนั่งเรือดูหิ่งห้อยได้อีกด้วย โดยปกติหิ่งห้อยจะพบมาก ในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคมของทุกปี ทั้งนี้ควรเลือกชมในช่วงเวลา ที่เป็นคืนข้างแรมหรือคืนเดือนมืด ซึ่งคุณสามารถมองเห็นแสง ของหิ่งห้อยได้ชัดเจนที่สุด
ช่วงบ่ายคล้อยเย็นชาวบ้านจะเริ่มทยอยเปิดร้านค้าบนบกและพายเรือนำสินค้าหลากหลายนานาชนิด อาทิ อาหาร พืชผักผลไม้ ขนมไทยนานาชนิด ของกินของใช้ มาขายให้กับนักท่องเที่ยว หรือคนในท้องถิ่นที่สัญจรไปมา ทำให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติของชุมชนริมน้ำ ที่น่าประทับใจยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถที่จะหาซื้ออาหารมานั่งรับประทานภายใต้บรรยากาศริมคลอง ด้วยรสชาติความอร่อยดั้งเดิมที่ได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นกันมา แถมบางครั้งเราอาจได้เจอเมนูแปลก ๆ หรือสูตรขนมโบราณที่หาทานยาก แต่หาได้จากที่นี่
สมัยก่อนหรือแม้แต่ปัจจุบัน คนในชุมชนแห่งนี้ก็ยังใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่ละบ้านก็ยังมีผลผลิตที่แตกต่างกันไป ส่วนมากก็ปลูกพืชสวนครัว ผักปลอดสารพิษ อาหารท้องถิ่นที่หาทานยากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ หอยทอด ขนมไทยสูตรโบราณและอื่น ๆ ที่มีให้เลือกกินเลือกช็อป เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐกจิชุมชนที่ล่อเลี้ยงผู้คนในพื้นที่มาได้อย่างยาวนาน ซึ่งบรรยากาศจะแตกต่างจากการค้าบางแห่งที่เจริญ ๆ ของใจกลางเมืองใหญ่ๆ
บรรยากาศของตลาดน้ำยังคงสะท้อนให้เห็นถึงการกินอยู่อย่างเรียบง่าย อาหารจากแหล่งวัตถุดิบของชาวบ้านชาวสวนประจำท้องถิ่น ความมีน้ำใจ และติดดิน จะเห็นว่าชาวต่างชาติมักให้คุณค่าและเข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง “คุณค่าแห่งท้องน้ำ ล่องสวน สายน้ำ เกษตรกรรมและอาหารการกิน” ไม่เคยเลือนหายไปไหนเลยจริง ๆ และนี่คือ “แผ่นดินของปู่ย่าตายาย” ที่เคยอยู่อาศัยของเราๆ วันนี้ “ตลาดน้ำอัมพวา” ได้สะท้อนและสืบสานวัฒนธรรมการกินอยู่และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เป็นเอกลักษณ์จนถึง ทุกวันนี้ แม้ว่ายุคสมัยจะผันเปลี่ยนไปก็ตาม แต่เสน่ห์ของที่นี้ยังคงเรียกหาผู้คนให้มาเยือน…
“น้ำมันปาล์มตราผึ้ง” โดยกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ขอร่วมส่งเสริมเพื่อสืบสานคุณค่าแห่งวัฒนธรรมในโครงการ “กินดี อยู่ดี สุขภาพดี” ของคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง